เมืองดานัง
ดานัง หรือจังหวัดกว่างนาม ดานัง ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำหาน เมืองนี้เติบโตขึ้นมาจากหมู่บ้านชาวประมงจนกลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญและใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศ เมื่อครั้งอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ทูแรน ทว่าเมืองดานังกลับมีชื่อเสียงติดปากชาวต่างชาติก็เนื่องมาจากสงครามเวียดนาม เพราะนาวิกโยธินสหรัฐอเมริกาชุดแรกจำนวน 3,500 คน ได้ยกพลขึ้นบกที่นี่เมื่อปี พ.ศ. 2508 และหลังจากนั้นอีกเพียง 10 ปี กองกำหลังคอมมิวนิสต์ของโฮจิมินห์ ก็เคลื่อนพลผ่านไปได้อย่างสบายเพื่อไปยึดเวียดนามใต้
ดานัง หรือจังหวัดกว่างนาม ดานัง ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำหาน เมืองนี้เติบโตขึ้นมาจากหมู่บ้านชาวประมงจนกลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญและใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศ เมื่อครั้งอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ทูแรน ทว่าเมืองดานังกลับมีชื่อเสียงติดปากชาวต่างชาติก็เนื่องมาจากสงครามเวียดนาม เพราะนาวิกโยธินสหรัฐอเมริกาชุดแรกจำนวน 3,500 คน ได้ยกพลขึ้นบกที่นี่เมื่อปี พ.ศ. 2508 และหลังจากนั้นอีกเพียง 10 ปี กองกำหลังคอมมิวนิสต์ของโฮจิมินห์ ก็เคลื่อนพลผ่านไปได้อย่างสบายเพื่อไปยึดเวียดนามใต้
จนย่างเข้าสู่ศตวรรษที่ 19 เมืองนี้จึงกลับมาเจริญอีกครั้งภายหลังที่สภาพแวดล้อมทางกายภาพและทางสังคมฮอยอันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง แม่น้ำหลายสายเปลี่ยนเส้นทาง เนื่องจากแม่น้ำทูโบนเกิดตื้นเขินและกีดขวางการสัญจรทางทะเล เมืองท่าดานังจึงถูกสร้างขึ้นมาแทนที่ในฐานะเมืองท่าและศูนย์กลางการค้าที่สำคัญที่สุดในเขตภาคกลางของเวียดนาม ผลผลิตเด่นๆ ของจังหวัดนี้ได้แก่ อบเชยจากตรามี พริกไทยจากเตียนเฟือก ยาสูบจากกามเล ผ้าไหมจากฮวาวาง หญ้าฝรั่นจากตามกี และรังนกนางแอ่นจากหมู่เกาะนอกชายฝั่ง
ปัจจุบันเมืองดานังกำลังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว มีตึกรามบ้านช่อง โรงแรมร้านอาหารสมัยใหม่เกิดขึ้นมากมาย เพราะความที่เป็นเมืองท่าสะดวกต่อการคมนาคมขนส่ง มีสนามบินนานาชาติดานังที่เป็นศูนย์กลางการเดินทางท่องเที่ยวในเขตภาคกลาง ตลอดจนสถานที่ท่องเที่ยวอันน่าสนใจมากมาย ตั้งแต่โบราณสถานหมี่เซินที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นมรดกโลก พิพิธภัณฑ์ประติมากรรมของจามที่เจริญรุ่งเรืองมาก่อนยุคสมัยใด แหล่งหินอ่อนบนภูเขาธาตุทั้งห้า และชายหาดนอนเนื๊อกที่ชาวต่างชาติยกย่องว่าสวยงามไม่แพ้ชายหาดใดในโลก ทำให้ปัจจุบันดานังไม่ได้เป็นแค่เมืองท่าริมแม่น้ำหานที่ใช้เพียงขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ แต่ยังทำหน้าที่เป็นประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่งทุกมุมโลกอีกด้วย
เมืองเว้
เป็นชื่อของเมืองหลวงของจังหวังถัวเทียน-เว้ เวียดนามมีจังหวัดทั้งหมด 59 จังหวัด มีพื้นที่น้อยกว่าไทยแต่มีจำนวนคนมากกว่าหลายสิบล้านคน พื้นที่แต่ละจังหวัดของเวียดนามเท่าๆกับประเทศไทย จังหวัดถัวเทียน-เว้ มีเมืองเว้ที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะมีทัวร์ท่องเที่ยวมาเที่ยวเมืองเว้ประจำ เมืองเว้อยู่ห่างจากสะหวันนะเขต-มุกดาหารเพียง9 ชั่วโมง
เดินทางเช้าถึงเย็นนับว่าไม่ไกลเลยครับ
เว้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นมรดกโลกคือพระราชวังเก่าราชวงค์เหงียน
เมืองเว้ที่พักถูก อาหารถูก ทำให้ใครๆก็มาเที่ยวที่นี่ครับ
สถานที่ท่องเที่ยวที่เว้ อันดับหนึ่งคือพระราชวังเก่าเมืองเว้ ตามมาด้วยสมรภูมิเก่าเคซานหรือแคซาน แล้วตามด้วยสุสานจักรพรรดิ อุโมงค์วินม๊อก ตลาดดงบา เป็น
สถานที่ช๊อปปิ้งที่คนไทยนิยมกันมากจนแม่ค้าที่ตลาดพูดภาษาไทยได้ครับ
แต่ละเรื่องผมลงแยกให้เพราะมีข้อมูลท่องเที่ยวเยอะที่น่าสนใจ
สำหรับมิสเตอร์ฮ๊อตเซียผมชอบเดินเล่นชมวิวแม่น้ำหอมและสะพานข้ามแม่น้ำหอมช่วงกลางคืน ที่
นี่เขาเปิดไฟสวยงามมากครับ เป็นไฟแสงสีสลับไปมา
วัยรุ่นหนุ่มสาวเมืองเว้จะมานั่งชมวิวเป็นคู่ๆโรแมนติดสุดๆ
ที่เวียดนามเนี่ยวัยรุ่นเขามาสวีทกันตามสวนสาธารณะครับ
เจ้าแม่กวนอิม
“เจ้าแม่กวนอิม” องค์ใหญ่ เริ่มก่อสร้างเมื่อ 6 ปีก่อน
และเพิ่งจะแล้วเสร็จเมื่อไม่นานมานี้ มีความสูงจากฐานถึง 67 เมตร
ภายในแบ่งออกเป็น 6 ชั้น แต่ละชั้นจัดวางพระพุทธรูปไว้บูชา 21 องค์
สำนักข่าวซเวินจี๋ (Dan Tri) กล่าว
เดือน มี.ค.ปีนี้ ชาวเวียดนามกว่า 15,000 คน ได้ต้อนรับพระบรมสารีริกธาตุ ที่เป็นของขวัญจากรัฐบาลอินเดีย มีการจัดขบวนแห่งยาวเหยียดจากกรุงฮานอย เพื่อนำไปประดิษฐานในวัดแห่งหนึ่ง ใน จ.นีงบี่ง (Ninh Binh) ทางตะวันออกของเมืองหลวง
ภาพประกอบทั้งหมดต่อไปนี้โดย สำนักข่าวซเวินจี๋ (Dan Tri)
เดือน มี.ค.ปีนี้ ชาวเวียดนามกว่า 15,000 คน ได้ต้อนรับพระบรมสารีริกธาตุ ที่เป็นของขวัญจากรัฐบาลอินเดีย มีการจัดขบวนแห่งยาวเหยียดจากกรุงฮานอย เพื่อนำไปประดิษฐานในวัดแห่งหนึ่ง ใน จ.นีงบี่ง (Ninh Binh) ทางตะวันออกของเมืองหลวง
ภาพประกอบทั้งหมดต่อไปนี้โดย สำนักข่าวซเวินจี๋ (Dan Tri)
ที่มา
http://www.hotsia.com/vietnaminfo/DanangCity/DanangCity.shtml
http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9530000107228